Icon Close
Book Bage B

หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่

หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
7 Rating
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
25 สิงหาคม 2561
ความยาว
321 หน้า
ราคาปก
300 บาท
Book Bage B
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
7 Rating
Main idea ของเล่มนี้ ก็คือ "ซื้อแพงเพื่อไปขายในราคาที่แพงกว่า" หรือ "Buy High, Sell Higher" ครับ โดยจะเอาแนวคิดจากกราฟที่ว่านั้นไปรับใช้ไอเดียนี้
ที่มาของกราฟ, ก็ได้ใช้หลักคิดของสองไอดอลระดับตำนานมาเป็นกระดูกสันหลัง คือ
ปู่ Stan Weinstien กับ Richard D. Wyckoff


ทั้งคู่เขียนถึง "วงรอบหรือวัฎจักรของราคาหุ้น" เหมือนกัน
โดยผมชอบแนวคิด Wyckoff Logic ที่อธิบายเกี่ยวกับ demand/supply, การสะสมหุ้นและแจกจ่ายได้ดี

ส่วน Weinstien ก็ประทับใจการเอาเส้นค่าเฉลี่ยมาช่วยแยกระยะสะสม ขาขึ้น และ แจกจ่าย ให้เข้าใจง่ายขึ้น รวมทั้งมีการเอา price pattern มาช่วยระบุโซนต่ำสุดและสูงสุดได้ดี
เลยเอาความเด่นของทั้งสองฝ่ายมาใช้ร่วมกัน เพื่ออธิบายแนวทางการเล่น "หุ้นรอบใหญ่" ได้ดีขึ้น

ทำไมต้องเล่นหุ้นขาขึ้นรอบใหญ่?
คำตอบง่ายๆคือ มันเป็นช่วงที่ราคาวิ่งขึ้นเร็วและแรง สร้างกำไรดี กว่าช่วงอื่นๆ

เรามาเล่นหุ้นเพื่อกำไรมิใช่เหรอ ถ้าอยากกำไรง่ายๆ ก็ต้องระบุช่วงขาขึ้นให้ได้ ซึ่งในเล่มนี้จะบอกว่าหน้าตาของหุ้นขาขึ้นเป็นยังไง, ใครเป็นเจ้าภาพทำให้เกิด, เพราะอะไร?


๑) ลักษณะของหุ้นขาขึ้น คือราคาวิ่งอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยหรือ Magic line ที่ยกเฉียงขึ้น

๒) เจ้าภาพของการเป็นขาขึ้นคือ Smart money, ผู้ชื่นชอบการเติบโตของกำไรในอนาคต, รวมถึงสภาพตลาดที่เป็นขาขึ้น ทำให้นักลงทุนกล้าซื้อหุ้นตามสตอรี่เด็ด

๓) เหตุผลที่ Smart money สร้างแนวโน้มขาขึ้น ก็เพื่อจะไล่ราคาให้สูง จะได้ขายหุ้นในราคาแพงกว่าต้นทุนของเขามากๆ ซึ่งเขาต้องอาศัยสตอรี่กำไรโต เป็นข้อมูลสนับสนุนชักนำให้สาธารณชนเข้ามาช่วยรับหุ้นจากเขา เมื่อรู้ข่าวจากสื่อ


ทฤษฎีวัฏจักราคาหุ้น
นำเสนอแนวคิดของนักลงทุนที่มีต่อวงจรราคาหุ้นในแบบต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมของมันว่า หน้าตาหุ้นขาขึ้นเป็นยังไง ขาลงที่ไม่ควรเล่นเป็นยังไง จะได้เอาไว้กรองว่าตัวไหนน่าเล่น หรือไม่ควรแล นี่คือที่มาของภาพกราฟที่เป็นข้อสรุปนั่นแหละครับ

การอ่านกราฟเบื้องต้น
เป็นการปูพื้นให้กับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการอ่านกราฟ โดยคำถาม 14 ข้อพร้อมตำตอบที่เป็นตัวอย่าง น่าจะช่วยให้ท่านได้วิธีมองแบบง่ายๆได้ และเอาไปเป็นฐานในการทำความเข้าใจในบทต่อไปได้

จุดซื้อหุ้นที่ใช่
มีอยู่ ๒ จุดใหญ่ๆ คือ
๑) ช่วงที่ราคาเปลี่ยนเทรนด์จากสะสมเป็นขาขึ้น โดยดูการข้ามจุดสูงสุดในรอบ 200 วัน และรูปแบบ bottom pattern ที่น่าเชื่อถือ นั่นก็คือ Wyckoff accumulation, Head and shoulders bottom รวมถึง การข้ามเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์พร้อมวอลุ่มยืนยันขาขึ้น อีกทั้งการเกิด Breakaway gap ในช่วงต้นเทรนด์

๒) ช่วงกลางแนวโน้ม เมื่อหุ้นตั้งใจวิ่งรอบใหญ่ก็จะมีการพักเหนื่อยเป็นระยะๆเพื่อสะสมและปล่อยคนหมดใจให้ออกจากหุ้น มันจึงเกิดการ Re-accumulation ซึ่งมันก็คือการย่อเพื่อไปต่อ หรือที่เรารู้จักกันในรูปแบบ continuation pattern ไม่ว่าจะเป็นการย่อยแรงขาย, inverse head and shoulders ที่เป็นต้นตอของรูปแบบ cup with handle หรือแม้กระทั่ง breakaway gap

หุ้นซิ่ง
หุ้นที่จะวิ่งแรงๆรวดเดียวเป็นเด้ง มักจะมีการทำรูปแบบสะสมที่ยาวนาน ซึ่งมักจะมาในทรง parabolic curve หรือ base on base

The line of least resistance
เป็นการขยายความลักษณะของ "การย่อเพื่อไปต่อ" และ "การยืนยันขาขึ้น" ผ่านแนวคิดการย่อยแรงขาย ทำให้เราเห็นรูปแบบราคาที่ซ่อนอยู่ในนั้น จนเกิด pivot point ซึ่งเป็นจุดซื้อที่เสี่ยงต่ำในสายตาตำนานอย่าง Jessie Livermore และมันส่งต่อมาถึงวิลเลียม โอนีล และ มาร์ค มิเนอร์วินี ในที่สุด

การ Stop loss
เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้จัก แต่มือใหม่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากนัก เมื่อละเลย,จึงประสบกับการขาดทุนหนักกระทั่งเอาตัวไม่รอด บทนี้จึงพยายามโน้มน้าวให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญของการรีบตัดขาดทุนให้ไว โดยเหตุผลหลักคือ ขาดทุนน้อย เอาคืนง่าย,

ถ้าอยากรวยหุ้นอย่างยั่งยืน-ต้องกำไรมากกว่าขาดทุน ควรตัดขาดทุนหุ้นที่อ่อนแอให้ไว และทนรวยกับหุ้นที่ผลงานดีเพื่อกินกำไรให้มากที่สุด


การทนรวย
เมื่อกล้า stop loss แล้ว จะรวยได้คุณต้องกล้าทนถือหุ้นให้กำไรเยอะๆ เพื่อให้เกิดกำไรสุทธิสูงๆต่อรอบ เมื่อกำไรทบต้นไปเรื่อยๆ ความมั่งคั่งก็บังเกิดในเวลาไม่นาน แนวคิดในการทนรวยก็คือการเอาหลักคิดเกี่ยวกับนิสัยของช่วงขาขึ้นมาใช้ นั่นคือ ตอนที่หุ้นเป็นขาขึ้น ราคาจะยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์ หรือ Magic line ของมัน จนกว่าจะจบรอบ ก็คือตัดเส้นค่าเฉลี่ยนั้นลงไป เราจึงใช้เส้น Magic line นี้เพื่อเป็นไกด์ให้เราทนไปจนสิ้นแนวโน้ม ถ้าไม่หลุดก็ไม่ขาย

การ Take Profit
จุดขายที่ใช่นั้น, มีหลายรูปแบบ แน่นอน Wyckoff Distribution อธิบายได้ดีมาก อีกทั้งรูปแบบของ top pattern อย่าง Head and shoulders top, triple top, double top ก็ช่วยได้ หรือแม้กระทั่งคนที่ใจร้อนก็สามารถยึดเส้น trendline เพื่อช่วยให้ทำกำไรเฉพาะช่วงที่ราคาหุ้นมีโมเมนตัมดีที่สุด แต่ถ้าใครที่ใจเย็นก็สามารถใช้แนวทาง trailing stop มาช่วยก็ได้

หวังว่าเนื้อหาในเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านได้เห็นภาพของการเป็นขาขึ้น ที่มาของมัน ไอเดียจุดซื้อ-จุดขายที่หลากหลาย ผลึกคิดของไอดอลนักลงทุนที่แทรกในบทต่างๆ อันจะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพการลงทุนที่พวกเขาพบว่ามันใช่จนต้องบอกต่อ ได้กระจ่างขึ้นครับ

และย้ำอีกครั้งว่ามันไม่ใช่ Holy grail หรือจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่ท่านอ่านแล้วบรรลุ หรือเอาไปใช้แล้วรวยทันที เนื้อหาในเล่มนี้เป็นแค่เศษเสี้ยวตัวอย่างการเคลื่อนไหวที่เกิดตลาดหุ้นเท่านั้น คุณต้องเอาไปทดสอบและทดลองใช้เพื่อให้เจอวงสวิงที่เหมาะกับจริตของคุณที่สุดครับ
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
25 สิงหาคม 2561
ความยาว
321 หน้า
ราคาปก
300 บาท

สนใจเวอร์ชันกระดาษ เชิญทางนี้!

เวอร์ชันกระดาษมีวางขายที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์ จะไม่มีขายโดย MEB นะจ๊ะ สามารถสั่งซื้อ หรือติดต่อคนขายโดยตรงเลยจ้ะ
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า