Icon Close
Book Bage B

วิหคหลงกรง

วิหคหลงกรง
สำนักพิมพ์Fengsha
4.96
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
27 Rating
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
27 มกราคม 2566
ความยาว
625 หน้า (≈ 185,912 คำ)
ราคาปก
499 บาท (ประหยัด 24%)
Book Bage B
วิหคหลงกรง
วิหคหลงกรง
4.96
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
27 Rating
Genre: รักจีนโบราณ, วังหลัง, การเมือง, ชิงไหวชิงพริบ

Period: ราชวงศ์เว่ยเหนือ

---------------------------------------------

เมื่อพี่สาวเป็นโรคร้ายยากรักษา 'เฝิงชิง' จึงถูกส่งตัวเข้าวังหลวง

นางกลายเป็นตุ๊กตากระเบื้องของไทฮองไทเฮา พระนางสั่งให้ไปซ้ายนางไม่อาจไปขวา

ต้องแบกรับความรับผิดชอบของสกุลเฝิง ทั้งยังต้องเอาอกเอาใจสวามีอย่าง 'ทั่วป๋าหง'

ท่ามกลางสงครามระหว่างขุนนางชาวฮั่นและชาวเซียนเปยที่ต่างก็ต้องการเป็นที่หนึ่ง

ขณะหน้าที่ของนางกำลังจะจบลง 'เฝิงรุ่น' ก็กลับมา

เฝิงชิงได้แต่กลืนความฝืนทนลงท้อง ยอมคืนทุกอย่างให้พี่สาว

เพราะความกตัญญูค้ำคอ ต้องเชื่อฟังบิดาแม้หัวใจจะแตกสลาย

นางมอบคืนความยุติธรรมให้กับพี่สาวแล้ว

แต่เวลาหลายปีที่นางสูญเสียไปเล่า ผู้ใดจะชดใช้ให้!

----------------------------------------------

“ฮ่องเต้เสด็จ!”

เฝิงชิงที่กำลังวางหมากวิเคราะห์สถานการณ์สะดุ้ง นางเร่งก้าวลงจากตั่งแต่กลับถูกรวบเอวไว้โดยอ้อมแขนแข็งแกร่งเสียก่อน

กลิ่นกายบุรุษเพศที่ห่างหายไปนานปะทะจมูกจนเผลอสูดลมอยู่ชั่วอึดใจ

ถึงตอนนี้นางค่อยระลึกได้ เขากลับมาแล้วจริงๆ

“ฮองเฮากำลังเดินหมากอยู่หรือ ให้เราร่วมกระดานด้วยได้หรือไม่”

ทั่วป๋าหงเพิ่งมาถึงก็ต้องฟังขุนนางผลัดกันกล่าวเหตุผลไม่ให้ย้ายเมืองหลวงอยู่พักใหญ่ เพิ่งปลีกตัวมาได้ก็พบว่าภรรยาสนใจหมากมากกว่าตน

“หมากไม่มีอะไรพิเศษเพคะ หม่อมฉันแค่เล่นฆ่าเวลาเท่านั้น” เฝิงชิงดึงสวามีนั่งลงบนตั่งอย่างเป็นธรรมชาติ “ฝ่าบาทเล่าให้หม่อมฉันฟังดีกว่าเพคะว่าระหว่างทางเป็นอย่างไรบ้าง หรือว่า... สีหน้าของแม่ทัพต่างๆ น่าชมดูเช่นไร”

สีหน้าแก่นเซี้ยวราวกับเด็กสาวซุกซนน่ารังแกจนทั่วป๋าหงต้องก้มลงกัดริมฝีปากนาง เฝิงชิงสะดุ้ง ปลายเล็บกดเข้าที่บั้นเอวเขาตามสัญชาตญาณ ชายหนุ่มครางเบาๆ เมื่อความร้อนก่อตัวขึ้นที่จุดกลาง ดันร่างนางออกห่างเพราะเกรงว่าจะเผลอตะครุบกระต่ายน้อยมาทึ้งกิน

“กล่าวว่าอยากชมมองสีหน้าของบุรุษอื่นกับสามีเช่นนี้ถูกต้องแล้วหรือ” เขาเย้า จับปลายคางของนางโยกเบาๆ

เฝิงชิงสบดวงตาอันดุดันของเขาอย่างท้าทาย “ฝ่าบาท... หม่อมฉันช่วยพระองค์มาตั้งเท่าไร แค่สีหน้าของคนเหล่านั้นยากจะบรรยายให้ฟังหรือเพคะ”

นางกินความแค้นเป็นอาหาร เฝิงชิงจำขุนนางที่ทัดทานไทฮองไทเฮาได้ขึ้นใจ ยามนั้นนางหลบอยู่หลังม่าน มองท่านอาว่าราชการร่วมกับทั่วป๋าหงด้วยความเลื่อมใส

ยามนี้คนเหล่านั้นถูกบีบบังคับให้ต้องยอมรับการย้ายเมืองหลวง นางจะไม่อยากเห็นได้อย่างไร

หรือจริงๆ แล้วนางควรปลอมตัวเป็นองครักษ์ของฝ่าบาทเพื่อติดตามไปสังเกตการณ์ตั้งแต่ต้น

อืม คิดช้าไปทำให้พลาดฉากสำคัญจริงๆ

“แล้วเจ้าเล่า ไม่คิดจะเล่าให้เราฟังบ้างหรือว่าวังหลังมีเรื่องสนุกอะไรบ้าง อย่างเช่น... เกากุ้ยเหรินปีนกำแพงวัง” ทั่วป๋าหงอดใจมองริมฝีปากแดงที่เดี๋ยวเม้มเดี๋ยวคลายไม่ได้จึงกดจูบชิมรสหวานอยู่ครู่ใหญ่ เฝิงชิงมองค้อนปะหลับปะเหลือกก่อนจะถดตัวหนีไปจนสุดขอบตั่ง

“ฝ่าบาทน่าจะพอได้รับรายงานแล้วไม่ใช่หรือเพคะ อย่างไรก็เล่าเรื่องที่ลั่วหยางให้หม่อมฉันฟังก่อนเถิด” หญิงสาวคลี่ยิ้มหวาน แต่ไม่ได้ขยับไปออเซาะเขาเพราะเกรงจะถูกเอาเปรียบ

เขาลงใต้มาตั้งหลายเดือนแล้ว จะไม่คว้าเอาคุณหนูจวนไหนในลั่วหยางเข้าวังเลยหรือ

เฝิงชิงแต่งให้กับฮ่องเต้ นางทราบดีไม่มีทางที่ทั่วป๋าหงจะมีนางเพียงคนเดียว แค่เขายกย่องนางเหนือกว่าสตรีอื่นก็ถือว่าเป็นวาสนายิ่งแล้ว

สตรีทุกนางต่างต้องการครองคู่กับบุรุษที่รักเพียงแค่ตน ทว่าอำนาจกับความรักไม่อาจดำเนินไปพร้อมกันได้

“ถ้าเช่นนั้นผลัดกันเล่าดีหรือไม่ รายงานจากเวยกงกงไม่น่าฟังเท่าเจ้าเล่า”

เวยกงกงที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตูเหลือบมองหลิวกงกงเล็กน้อย แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยน แต่ใจช้ำชอกยิ่ง ข้ามันก็แค่ขันทีรักษาลัญจกรจะสนทนาน่าฟังเท่าฮองเฮาได้อย่างไร!

ทั้งสองผลัดกันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงหันมาเดินหมากพลางขบคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

“เมื่อกลับไปถึงลั่วหยางจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เจ้าอาจจะต้องเตรียมตัวรับลมพายุอีกระลอก”

หมากสีดำชิงพื้นที่ แปรเปลี่ยนหมากขาวให้เป็นพวกตัวเอง

“ฝ่าบาทจะสั่งให้พวกเขาละทิ้งความเป็นเซียนเปยแล้วหันมาหลอมรวมกับชาวฮั่นหรือเพคะ”

หมากขาววางโต้กลับ แต่ทวงคืนพวกพ้องได้ไม่เท่าที่สูญเสีย

“ความกลมเกลียวสำคัญนัก หากยังแบ่งเขาแยกเราเช่นนี้ย่อมทำการใหญ่ไม่สำเร็จ หรือฮองเฮาว่าอย่างไร”

เฝิงชิงมองกระดานที่ไร้หนทางไปต่อ หมากดำปิดช่องทางทั้งหมดจนหมากขาวไม่อาจดิ้นหนี

หมากขาวคือเซียนเปย

หมากดำคือฮ่องเต้

ท้ายที่สุดแล้วคำทัดทานที่เคยกึกก้องทั่วผิงเฉิงก็จะเงียบสงัด

“โลหิตนองราชสำนัก ดูไม่ใช่ลางดีสักเท่าไรเพคะ”

เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จนั้น หากอีกฝ่ายไม่ยอมร่วมพวกโดยละม่อมก็คงต้องใช้กำลัง

“ฮองเฮาคิดว่าระหว่างทางจากผิงเฉิงสู่ลั่วหยางเราสังเวยชีวิตคนไปแล้วเท่าไรเล่า”

เฝิงชิงหลุบตา วางมือลงบนมือหนาที่หยาบกร้านของเขาแผ่วเบา “ฝ่าบาท... พระองค์มีหม่อมฉันอยู่นะเพคะ”

มือของเขาสากขึ้นอีกมาก ยังมีรอยทบลึกที่น่าจะเกิดจากการจับบังเหียนเป็นเวลานาน

ทั่วป๋าหงซึมซับไออุ่นจากนาง ไม่รู้ว่าจากนี้ สายตาของนางจะยังหยุดอยู่ที่ตนหรือไม่

“ชิงชิง มีคนที่เราอยากให้เจ้าได้พบ”

หญิงสาวเอียงศีรษะอย่างฉงน “ผู้ใดหรือเพคะ หม่อมฉันรู้จักหรือไม่”

คนที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาถึงเขตพระราชฐานฝ่ายในย่อมไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป

แต่จะเป็นใครกันเล่า...

คำตอบเยอะจนนางเลือกไม่ถูกเลย

ฮ่องเต้หนุ่มส่งสัญญาณ

“ให้เขาเข้ามา”

เวยกงกงส่งเสียงเล็กน้อย ก่อนทั่วป๋าสี่จะก้าวเข้ามา แสงเงาสาดลงบนใบหน้าของเขา ชวนให้ดูดุดันน่าเกรงขาม

เฝิงชิงหลุบตา มือสั่นน้อยๆ จนต้องซ่อนไว้ใต้ชายแขนเสื้อ

ผ่านไปหกปีแล้วแต่นางยังจำวันสุดท้ายที่ก้าวไปบอกลาเขาได้ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

“ถวายพระพรฮองเฮา ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี”

----------------------------------------------

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์สมัยเว่ยเหนือ

ไทม์ไลน์อยู่ในช่วงรัชกาลพระเจ้าเสี้ยวเหวินตี้ (ทั่วป๋าหง/หยวนหง) 

มีการใช้ชื่อบุคคลที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์ และสถานการณ์ซึ่งบันทึกอยู่ในพงศาวดารส่วนหนึ่ง

แต่รายละเอียดของเนื้อหาเป็นการตีความจากแง่มุมหนึ่งของหลักฐาน และแต่งเติมเพื่ออรรถรสในการอ่าน

ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแต่อย่างใด
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
27 มกราคม 2566
ความยาว
625 หน้า (≈ 185,912 คำ)
ราคาปก
499 บาท (ประหยัด 24%)
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
หนังสือเล่มนี้เปิดให้แสดงความคิดเห็นได้เฉพาะผู้ที่มีหนังสือฉบับเต็มเท่านั้น