Icon Close

คู่มือเป็นผู้บริหารผู้มีความสุข เล่มที่ 51 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม

คู่มือเป็นผู้บริหารผู้มีความสุข เล่มที่ 51 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม
Icon Shop Camapign
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
1 Rating
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
14 กุมภาพันธ์ 2568
ความยาว
117 หน้า
ราคาปก
399 บาท (ประหยัด 79%)
คู่มือเป็นผู้บริหารผู้มีความสุข เล่มที่ 51 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม
คู่มือเป็นผู้บริหารผู้มีความสุข เล่มที่ 51 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม
Icon Shop Camapign
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
1 Rating
การเป็นผู้บริหารที่มีความสุขไม่ใช่แค่การมีเงินเดือนสูงหรือความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่คือการมีจิตใจที่สงบ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริหารที่มีความสุขคือผู้ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายในงานได้ดี ทั้งในด้านการตัดสินใจ การจัดการทีม และการรับมือกับความเครียด ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานขององค์กรเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ในมุมมองทางจิตวิทยา ผู้บริหารที่มีความสุขจะมีระดับความพึงพอใจในชีวิตที่สูงกว่า และมีความสามารถในการตัดสินใจที่ดีกว่า เนื่องจากการมีสุขภาพจิตที่ดีช่วยให้การทำงานไม่ถูกครอบงำโดยความเครียดหรือความวิตกกังวล นอกจากนี้ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมงานได้ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดี
2. ความสำคัญของความสุขในการทำงานและชีวิตส่วนตัว
ความสุขในบทบาทของผู้บริหารมีความสำคัญไม่เพียงแค่ต่อบุคคลนั้นเอง แต่ยังส่งผลดีต่อองค์กรและทีมงานด้วย เมื่อผู้บริหารมีความสุข พวกเขามักจะสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และสามารถสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นบวก ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยผลักดันองค์กรไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ในมุมมองของพระพุทธศาสนา การมีความสุขเป็นผลจากการฝึกฝนจิตใจและการปฏิบัติตามหลักธรรมที่ถูกต้อง เช่น การมีสติในทุกการกระทำและการลดละกิเลสที่เป็นตัวขัดขวางความสุข การทำงานด้วยใจที่บริสุทธิ์และไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัว ช่วยเสริมสร้างการทำงานที่มีความสุขและมีความหมาย
ความสุขในชีวิตส่วนตัวของผู้บริหารเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถมีพลังในการทำงานและดูแลสุขภาพจิตใจได้ดีขึ้น การมีเวลาส่วนตัวในการทำกิจกรรมที่ชอบหรือใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนฝูงช่วยให้ผู้บริหารสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้ และทำให้เขามีความสุขอย่างยั่งยืน
3. แนวทางการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและงาน
การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและงานเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผู้บริหารที่มีภาระหน้าที่มากมาย แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงานมีคุณภาพที่ดีขึ้น หลักการที่สามารถใช้ในการสร้างสมดุลมีดังนี้:
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน: ผู้บริหารควรกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งในด้านอาชีพและชีวิตส่วนตัว เช่น การกำหนดเวลาในการทำงานและเวลาส่วนตัวอย่างมีระเบียบ รวมถึงการตั้งเป้าหมายในด้านการพัฒนาตนเอง
การจัดการเวลา: การบริหารเวลาเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสมดุล การใช้เทคนิคการจัดลำดับความสำคัญและการจัดเวลาให้เหมาะสมจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถแบ่งเวลาให้กับทั้งการทำงานและกิจกรรมส่วนตัวได้
การฝึกฝนจิตใจ: การฝึกสติ เช่น การทำสมาธิ หรือการเจริญปัญญา สามารถช่วยให้ผู้บริหารรู้เท่าทันความคิดและอารมณ์ของตนเอง ลดความเครียด และสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความอดทนและการยอมรับความไม่สมบูรณ์ในการทำงาน
การพัฒนาความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวจะช่วยให้ผู้บริหารไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ยังสามารถรักษาความสุขและสุขภาพจิตที่ดีในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
เนื้อหาบทนำนี้สามารถเป็นฐานในการขยายความต่อไปในแต่ละบทของหนังสือ โดยเริ่มจากการอธิบายแนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับความสุขในบทบาทของผู้บริหารและนำเสนอกระบวนการที่ผู้บริหารสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน.
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
14 กุมภาพันธ์ 2568
ความยาว
117 หน้า
ราคาปก
399 บาท (ประหยัด 79%)

สนใจเวอร์ชันกระดาษ เชิญทางนี้!

เวอร์ชันกระดาษมีวางขายที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์ จะไม่มีขายโดย MEB นะจ๊ะ สามารถสั่งซื้อ หรือติดต่อคนขายโดยตรงเลยจ้ะ
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
หนังสือเล่มนี้เปิดให้แสดงความคิดเห็นได้เฉพาะผู้ที่มีหนังสือฉบับเต็มเท่านั้น