Icon Close

คู่มือเป็นพยาบาลผู้มีความสุข เล่มที่ 46 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม

คู่มือเป็นพยาบาลผู้มีความสุข เล่มที่ 46 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม
Icon Shop Camapign
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
1 Rating
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
14 กุมภาพันธ์ 2568
ความยาว
68 หน้า
ราคาปก
399 บาท (ประหยัด 79%)
คู่มือเป็นพยาบาลผู้มีความสุข เล่มที่ 46 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม
คู่มือเป็นพยาบาลผู้มีความสุข เล่มที่ 46 (จบ) จากซีรีส์ 99 เล่ม
Icon Shop Camapign
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
1 Rating
ความสำคัญของการเป็นพยาบาลที่มีความสุข
การเป็นพยาบาลที่มีความสุขไม่เพียงแต่สำคัญต่อตัวพยาบาลเอง แต่ยังส่งผลดีต่อผู้ป่วยและองค์กรทางการแพทย์โดยรวม พยาบาลที่มีความสุขจะมีทัศนคติที่ดีและสามารถให้บริการทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาวิจัยต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าความสุขในอาชีพพยาบาลเชื่อมโยงกับการเพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน, การลดอัตราการลาออก, และการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้การดูแลผู้ป่วย (Aiken et al., 2011; Hsieh & Wang, 2018)
ความสุขของพยาบาลไม่ได้เกิดจากการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการดูแลสุขภาพจิตและอารมณ์ด้วย พยาบาลที่รู้จักการจัดการกับอารมณ์และความเครียดในที่ทำงาน จะสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับเพื่อนร่วมงานและผู้ป่วยได้ดีกว่า (Younas et al., 2020)

ปัญหาที่พยาบาลอาจพบในการทำงาน
พยาบาลมักเผชิญกับความเครียดและความกดดันจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทาย เช่น การจัดการกับจำนวนผู้ป่วยที่มากเกินไป, ชั่วโมงทำงานที่ยาวนาน, ความรับผิดชอบที่สูง และการต้องตัดสินใจในสถานการณ์ฉุกเฉินบ่อยครั้ง (Hunsaker et al., 2015)
หนึ่งในปัญหาที่สำคัญที่พยาบาลมักประสบคือ "การเบิร์นเอาท์" (Burnout) ซึ่งหมายถึงสภาวะอ่อนล้าทางจิตใจและร่างกายจากการทำงานหนักโดยไม่มีการฟื้นฟูที่เหมาะสม เบิร์นเอาท์อาจทำให้พยาบาลสูญเสียความกระตือรือร้นในการทำงาน และอาจเกิดอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลได้ (Maslach et al., 2001)
การเบิร์นเอาท์ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อพยาบาลเอง แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพการดูแลผู้ป่วย เนื่องจากพยาบาลที่เหนื่อยล้าจะมีความสามารถในการดูแลผู้ป่วยน้อยลง และอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการรักษา (Dyrbye et al., 2020)

แนวทางในการจัดการกับความเครียด
การฝึกฝนจิตใจและการพัฒนาตนเองมีบทบาทสำคัญในการลดความเครียดและช่วยให้พยาบาลสามารถรักษาความสุขในที่ทำงานได้อย่างยั่งยืน วิธีการต่าง ๆ ที่สามารถช่วยจัดการกับความเครียดในที่ทำงาน ได้แก่:
1.การฝึกสมาธิ (Mindfulness Meditation): งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการฝึกสมาธิช่วยลดระดับความเครียดและส่งเสริมสุขภาพจิต (Kabat-Zinn, 1990). การฝึกสมาธิช่วยให้พยาบาลสามารถรับรู้ความรู้สึกของตนเองและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วยความสงบและมีสติ การฝึกสมาธิยังช่วยลดอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล (Goyal et al., 2014).
2.การจัดการเวลาและความคาดหวัง
(Time Management and Expectation Management): การเรียนรู้วิธีจัดการกับเวลาและการตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมจะช่วยลดความเครียดจากการมีงานที่ทับซ้อนกัน การวางแผนล่วงหน้าและการแบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเบิร์นเอาท์ (Lazarus & Folkman, 1984)
3.การสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานและครอบครัว: การมีเครือข่ายสนับสนุนที่แข็งแกร่งจะช่วยให้พยาบาลสามารถแบ่งปันความรู้สึกและขอความช่วยเหลือในเวลาที่จำเป็น การทำงานร่วมกันในทีมที่มีความสัมพันธ์ดีจะช่วยลดความเครียดได้อย่างมาก (Shanafelt et al., 2012)
วิธีที่การฝึกจิตวิทยาและพัฒนาตนเองจะช่วย
การฝึกจิตวิทยาและการพัฒนาตนเองเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้พยาบาลสามารถจัดการกับอารมณ์และความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกฝนในด้านนี้ช่วยให้พยาบาลมีทักษะในการรับมือกับสถานการณ์ยากลำบาก, การควบคุมอารมณ์, และการมองโลกในแง่บวก ซึ่งส่งผลต่อความสุขในระยะยาว (Fredrickson, 2001)
การพัฒนาตนเองยังรวมถึงการตั้งคำถามเกี่ยวกับอาชีพและชีวิตส่วนตัว เช่น การหาความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว การให้เวลาในการดูแลตัวเอง และการสร้างกิจกรรมที่มีความสุขในชีวิตประจำวัน สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้พยาบาลมีความสุขในระยะยาว แต่ยังส่งผลให้การทำงานในฐานะพยาบาลเป็นประสบการณ์ที่เติมเต็มและมีความหมายมากขึ้น (Ryan & Deci, 2000)
ประเภทไฟล์
pdf
วันที่วางขาย
14 กุมภาพันธ์ 2568
ความยาว
68 หน้า
ราคาปก
399 บาท (ประหยัด 79%)

สนใจเวอร์ชันกระดาษ เชิญทางนี้!

เวอร์ชันกระดาษมีวางขายที่เว็บไซต์สำนักพิมพ์ จะไม่มีขายโดย MEB นะจ๊ะ สามารถสั่งซื้อ หรือติดต่อคนขายโดยตรงเลยจ้ะ
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
หนังสือเล่มนี้เปิดให้แสดงความคิดเห็นได้เฉพาะผู้ที่มีหนังสือฉบับเต็มเท่านั้น