Icon Close

ศญามลโหมฤกษ์

ศญามลโหมฤกษ์
Icon Shop Camapign
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
1 Rating
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
21 พฤศจิกายน 2567
ความยาว
460 หน้า (≈ 63,688 คำ)
ราคาปก
299 บาท (ประหยัด 55%)
ศญามลโหมฤกษ์
ศญามลโหมฤกษ์
Icon Shop Camapign
5.00
Icon RatingIcon RatingIcon RatingIcon RatingIcon Rating
1 Rating
ศญามลเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง รีบคว้าถุงผ้าและของสำคัญมากมายที่จำเป็น บอมสับฝีเท้าก้าวตามพ่อปู่มาเรื่อย ๆ จนถึงทางออกของเรือนหลัก ก่อนหยุดมองออกไปยังบริเวณลานผืนหญ้าเขียวขจีที่มีบึงคั่นและสะพานทอดเชื่อมโยงอยู่

ดวงตาสีดำขลับหันเสี้ยวใบหน้าไปทางเรือนเล็กท้ายสวน ซึ่งเดิมทีเป็นที่คุมขังวิญญาณร้ายตนนั้นเอาไว้ ศญามลทอดปลายเท้าออกไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันบอมเองก็ไม่กล้าห่างจากพ่อปู่เลยสักนิด

ทางเดินตรงหน้ามืดสนิท แสงสลัวรางชวนขวัญผวา แม้นาฬิกาบนข้อมือของบอมจะบอกเอาไว้ว่าอีกไม่นานจะเช้าแล้วก็ตาม แต่ท้องฟ้ากลับดูเหมือนไม่ใกล้ส่วนนั้นเลยแม้แต่น้อย

"มึงถือสายสิญจน์นี่เอาไว้ ถ้าถึงบ้านสวนหลังนั้นเมื่อไหร่ รีบตอกแล้วพันล้อมรอบทันที" ขื่อไม้ขนาดกลางและเส้นสายสิญจน์ที่ลงอาคมไว้เรียบร้อยถูกยื่นส่งต่อให้กับบอม พร้อมคำสั่งราวกับต้องการย้ำเตือนว่าห้ามลังเลเด็ดขาด

การเดินเพียงสองคนในตรอกนี้ทำให้บอมอยู่ไม่สุข ทุก ๆ ซอกหลืบราวกับกำลังมีสายตานับร้อยคอยมองอยู่ กระทั่งเดินมาถึงเรือนหลังท้ายสวนต้นเหตุของเรื่องราว

เสียงตอกตะปูดังสะท้อนก้องอยู่ในความมืด บอมไม่รอช้า รีบพันสายสิญจน์จากต้นไม้ตรงนั้นตามที่พ่อปู่กำชับ ขณะมือทำงานอยู่ในใจก็เอาแต่เต้นระทึก หันมองซ้ายทีขวาทีหวาดกลัวไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาบ้าง เมื่อเสร็จสิ้น บอมก็รีบออกมายืนข้างกายศญามล ด้วยสภาพเหงื่อไหลท่วมตัว

"เรียบร้อยครับพ่อปู่"

ศญามลล้วงมือควานหาซิปโป้จากกระเป๋า ก่อนหยิบบุหรี่หนึ่งม้วนขึ้นมาจุดไฟ สูบเข้าลึกหนึ่งครั้งแล้วพ่นควันออกมาเป็นละอองลอยคลุ้งในอากาศ ราวกับต้องการผ่อนคลายความตึงเครียดจากสิ่งที่ต้องพบเจอจากนี้

ศญามลปาบุหรี่ลงพื้น พร้อมเศษขี้เถ้าขยี้ลงพลันตวัดปลายเท้าเป็นวงกลม ก่อนสวดร่ายคาถาป้องกันภัย

"อิทธิฤทธิ พุทธะคะยา ปะสิทธิเต พุทธะคะโร นะโมพุทธายะ สัพเพเทวา สัพเพเทวา ภะวันตุเม สัพพะทุกขา สัพพะภะยา สัพพะโรคา วินาสะเม สัพพะอันตรายา อันตรายัง วินาสะตุ"

"มึงอยู่ตรงนี้ ห้ามออกจากวงกลมเด็ดขาด" ศญามลหันเสี้ยวใบหน้ามาพูดกับบอมด้วยน้ำเสียงตึงเครียด

"ครับพ่อปู่"

ศญามลก้าวฝีเท้ายาวออกจากวงกลม เพียงวูบเดียวเท่านั้น เสียงลมจากทางขวามือก็ลอยพัดเข้ามา บัวแผนที่กำลังบีบคอฤกษ์ขนัยเพื่อกลั่นวิญญาณให้สลายมาเป็นบริวารก็ต้องหยุดชะงักทุกอย่างลงทันที

"มึงอีกแล้วรึ!" ดวงตาสีขาวเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์อย่างน่ากลัว ก่อนจะปล่อยฤกษ์ขนัยให้เป็นอิสระ วิญญาณของบัวแผนหายไปทันที มีเพียงแค่ฤกษ์ขนัยที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นอย่างหมดแรงเท่านั้น

แอ๊ด...

ศญามลหยิบไฟฉายขึ้นมาจากกระเป๋าไม่รอช้าก้าวสำรวจในเรือนหลังเล็กทันที บอมครั้นจะก้าวตามก็ไม่กล้า ยิ่งนึกถึงคำกำชับของพ่อปู่แล้วก็ได้แต่ยืนสั่นอยู่ในวงกลมนี้เท่านั้น

นัยน์ตาดุดันกวาดมองจนทั่ว ครั้งแรกที่เข้ามาถึงกลิ่นเหม็นเน่าโชยกระแทกจมูกจนต้องย่นหนี บริเวณข้างในผุพังเศษหยากไย่และแมลงต่าง ๆ เกาะเต็มไปหมด ก่อนจะสังเกตเห็นไม้บนพื้นข้างหน้าที่นูนเด่นขึ้นมา ประหนึ่งเคยมีอะไรฝังอยู่ตรงนี้

มือหนาควานหาไม้ข้าง ๆ มาเขี่ยออก ก่อนจะสังเกตเห็นเศษซากโครงกระดูกซ่อนอยู่ภายใต้เศษผ้าขาดรุ่งริ่ง ศญามลหลับตาลงมองหาว่าวิญญาณผู้นี้เป็นใคร ภาพในหัวเริ่มปะติดปะต่อกันอย่างรวดเร็ว ทั้งจากนิมิตและเหตุการณ์เมื่อคืนก่อน

ศญามลลืมตา พร้อมกับเห็นเงามืดซ้อนอยู่ข้างหลัง เตรียมจะจู่โจ่มเข้ามาทำร้าย

"ตายเสียเถอะมึง!" จอบด้ามใหญ่ถูกจามลงมา แต่ศญามลกลับคว้าเอาไว้ทัน ใบหน้าคมคายกัดฟันแน่น ได้แต่ยิ้มเยาะว่าเผลอพลาดให้กับวิญญาณสิงสู่ตรงหน้าแล้ว

"ที่แท้ก็มึงนี่เอง" เสียงเข้มเอ่ยเสียงลอดไรฟัน

"พวกมึงควรตายกันให้หมดทุกคน จักได้ไม่มาเป็นมารขวางคอชีวิตกูอีก!" ดาหลาตะคอกจนเสียงแหบแห้ง หารู้ไม่ว่าศญามลกำลังส่งสัญญาณให้คนข้างหลังอยู่

ผัวะ! ปึก!

บอมที่เผลอขัดคำสั่งของศญามล เพราะเห็นร่างของดาหลาเข้ามาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หลังต้นไม้ใหญ่พอดี จึงคิดว่าอาจต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะลำพังในเขตอาคมอาจคุ้มครองจากผีสางได้ แต่กับคนคงไม่ได้แน่ๆ

ร่างของดาหลาล้มลงบนไม้ผุพัง พร้อมฝุ่นกระจายทั่วเรือนเล็ก ศญามลรีบหยิบลูกประคำบนมือกำเอาไว้ มือหนาร่ายอาคมพลางปัดเป่าอย่างเร่งรีบ เพราะเป็นโอกาสสำคัญจะใช้ต่อรองกับวิญญาณร้ายของบัวแผนได้

ชั่ววินาทีร่างตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นซากโครงกระดูกแห้งเกรอะกรัง เนื้อหนังหุ้มกระดูกเกรียมกรอบ ดวงตาลึกโบ๋ ดูแล้วน่าสะเทือนใจนัก

"ฮึ ถึงกูจักมิสามารถอาศัยร่างนี้ทำอะไรได้อีกต่อไป แต่ใช่ว่าจากนี้จักมิมีหนทาง!" เสียงทุ้มใหญ่ ดวงจิตไม่คุ้นเคยโผล่อย่างก้องกังวาน พร้อมวิญญาณที่แท้จริงสิงสู่อยู่ในร่างดาหลาปรากฏสู่สายตา

เดชา ซึ่งเป็นชายหนุ่มในอดีตชาติและเคยเป็นคนรักของบัวแผน ศญามลอาศัยจังหวะนี้รีบควานหาสิ่งของปลุกปั้นรูปหม้อดินออกมา ก่อนจะเสกให้มันขยายใหญ่เพื่อดูดดึงวิญญาณมากักขังไว้

จากนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวน พร้อมร่างของบัวแผนในชุดไทยผ้าซิ่น ท่าทางน่าเกลียดน่ากลัว ราวกับโกรธแค้นถึงขีดสุดปรากฏกายอยู่ตรงหน้า บอมรีบถอยกรูดมาหลบอยู่ข้างหลังพ่อปู่ มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

"ถ้ามึงอยากได้วิญญาณของผัวมึงนัก ก็เอาเด็กคนนั้นกลับมาให้กู!" เสียงเข้มสะท้อนก้องกังวาลไม่แพ้กัน ท่ามกลางสายลมโหมกระโชกแรง จากอารมณ์โกรธของผีร้ายตรงหน้า

"มึง! มีสิทธิ์อะไร มาช่วงชิงทุกอย่างในชีวิตของกูไป! หลายร้อยปีก่อนก็เพราะมึง คราวนี้ก็เพราะมึงอีกงั้นรึ!"

"มึงอยากจักพล่ามอะไรก็พล่ามไป แต่หากนับจากวินาทีที่กูพูดจบ มึงยังมิเอาวิญญาณเด็กคนนั้นมาให้กู กูจักทำลายดวงจิตของผัวมึงให้สิ้นซากเสีย"

"อย่า!" บัวแผนกำมือขาวซีดเอาไว้แน่น เพราะไม่อาจทนสูญเสียได้อีกต่อไป ก่อนหลับตาลงประนมมือเหนือหน้าผาก ก่อนที่ริมฝีปากซีดจางจะเริ่มขยับร่ายคาถาที่ฟังแล้วแปลกหู

"โอม... ล้อมดวงจิตกลับคืนสู่ร่าง ใต้เงามนต์ดำแห่งข้า จงดึงดวงวิญญาณจากห้วงนรกที่มืดมิด..." ฤกษ์ขนัยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนราวกับตัวเองถูกดึงกลับมา

ทันใดนั้นเองฤกษ์ขนัยก็มองเห็นแสงสว่างราวกับปลายอุโมงค์ สองเท้ารีบก้าวตามเส้นทางไป ก่อนร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงจะเริ่มขยับปลายนิ้ว เปลือกตาค่อย ๆ ลืมขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับเสียงเรียกชื่อตัวเองซึ่งจำได้ว่าเป็นเก่งกาจ โดม และบอม

"เฮ้ย! มันฟื้นแล้วว่ะ"

"ไอ้ฤกษ์! ไอ้ฤกษ์! มึงได้ยินเสียงพวกกูหรือเปล่า"เก่งกาจพยายามใช้มือตบตามใบหน้าของเพื่อนสนิทเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา

ศญามลเมื่อรับรู้ว่าดวงจิตของฤกษ์ขนัยกลับคืนสู่ร่างแล้ว หันมองอีกทีหม้อดินตรงหน้าก็ถูกเปิดออกและวิญญาณหลุดหายไปเสียแล้ว เดิมทีศญามลตั้งใจจะให้มันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพราะหากมัวรีรอแก่นวิญญาณจะยิ่งอ่อนแรงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่

โครม!

ศญามลและบอมรีบวิ่งตรงดิ่งมายังเรือนใหญ่ ด้วยท่าทีร้อนรน ก่อนมองเห็นฤกษ์ขนัยที่ฟื้นขึ้นมาแล้วกำลังนั่งทานน้ำอยู่พอดี จากนั้นเสียงถอนหายใจก็พรูออกราวกับโล่งใจทันที

"มึงมานั่งตรงนี้ กูจักเรียกขวัญให้" ศญามลพูดเสียงนุ่ม มือล่ำสันเอื้อมไปหาฤกษ์ขนัยที่ยังคงมีใบหน้าซีดเซียว เขาวางมือลงบนศีรษะของอีกฝ่าย ก่อนจะขมิบปากเบา ๆ เป่ามนต์คลายความตกใจ

"เพี้ยง! ขวัญเอ๋ย ขวัญมา"

"ขอบคุณครับ...พ่อปู่" ฤกษ์ขนัยกล่าวเสียงแผ่ว ก่อนจะลุกจากเตียงลงกราบแทบเท้า ศญามลพยักหน้ารับ เสี้ยวหนึ่งดวงตาเมื่อครั้งอดีตวันวานลอยวูบ พลันรู้สึกคันยุบยิบ ๆ ในใจจนต้องเบือนสายตาหนี

"เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว และพวกมึงก็ต่างอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพอดี"

"มะ...มีอะไรเหรอครับพ่อปู่" เก่งกาจเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะไม่รู้คราวนี้จะเป็นอะไรอีก

"มิมีอะไรหรอกก็แค่หลังจากวันนี้ พวกมึงโดยเฉพาะมึง...ต้องย้ายมาอยู่ที่เดียวกับกู เพราะขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไป มึงคงได้ตายจริง ๆ สักวันแน่" ปลายหางเสียงราวกับเจาะจงมาที่ฤกษ์ขนัยเป็นพิเศษ

"หมายถึงบ้านเกิดของพ่อปู่ใช่ไหมครับ" บอมเอ่ยถามด้วยความสงสัย ศญามลพยักหน้าตอบเบา ๆ

"จริง ๆ กูเห็นด้วยนะ ไปอยู่ตรงนั้นจะมีคนคอยเป็นหูเป็นตาให้มึงเยอะแยะเลย" เก่งกาจไม่ได้หมายถึงคนอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงวิญญาณที่มองไม่เห็นกระทั่งสิงสาราสัตว์อื่น ๆ ที่ล้วนเป็นคนของผู้มีอวิชชาคอยปกปักคุ้มครองอาณาเขต

แต่นอกอาณาเขตไม่รู้นะ...
ประเภทไฟล์
pdf, epub
วันที่วางขาย
21 พฤศจิกายน 2567
ความยาว
460 หน้า (≈ 63,688 คำ)
ราคาปก
299 บาท (ประหยัด 55%)
เขียนรีวิวและให้เรตติ้ง
คุณสามารถเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็นได้จ้า